เคยสงสัยกันมั้ยว่า ป้ายทะเบียนรถ ทำไมถึงมีหลายสี และแต่ละสีบ่งบอกถึงอะไรกันบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ และหาคำตอบมาให้ฟังกันครับ

ป้ายสีขาวตัวหนังสือสีดำ ที่เห็นบ่อยสุดตามท้องถนน เป็นป้ายสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล เช่น รถเก๋ง และรถยนต์ทั่วไป ที่มีที่นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง

ป้ายสีขาวตัวหนังสือสีเขียว เป็นป้ายสำหรับรถบรรทุกส่วนบุคคล เช่น รถกระบะ รถบรรทุกขนาดเล็ก ส่วนรถกระบะที่มีป้ายเป็นตัวหนังสือสีดำ คือรถที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเท่านั้น ถ้านำไปใช้ในการบรรทุกเมื่อไหร่ โดนจับแน่ เพราะผิดกฎหมาย

ป้ายสีขาวตัวหนังสือสีน้ำเงิน เป็นป้ายสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีที่นั่งมากกว่า 7 ที่นั่ง เช่น รถตู้

ป้ายสีแดงตัวหนังสือสีดำ เป็นป้ายสำหรับรถใหม่ออกจากโชว์รูม และออกให้ชั่วคราว เนื่องจากยังไม่ได้จดทะเบียนตามกฏหมาย แต่สามารถนำมาใช้งานบนถนนได้ชั่วคราว

ป้ายที่มีพื้นหลังเป็นลายกราฟิก เป็นป้ายสำหรับการประมูลตัวเลขชุดพิเศษ เช่น 8888 , 9999 ฯลฯ

ป้ายสีเหลืองตัวหนังสือสีดำ เป็นป้ายสำหรับรถรับจ้าง เช่น มอเตอร์ไซค์วิน และรถแท็กซี่ ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 7 คน

ป้ายสีเหลืองตัวหนังสือสีแดง เป็นป้ายสำหรับรถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด

ป้ายสีเหลืองตัวหนังสือสีน้ำเงิน เป็นป้ายสำหรับรถยนต์เล็ก 4 ล้อรับจ้าง เช่น รถกระป๊อ

ป้ายสีเหลืองตัวหนังสือสีเขียว เป็นป้ายสำหรับรถ 3 ล้อรับจ้าง เช่น รถตุ๊ก ๆ

ป้ายสีเขียวตัวหนังสือสีดำ/สีขาว เป็นป้ายสำหรับรถบริการทัศนาจร และรถบริการให้เช่า เช่น รถลิมูซีนสนามบิน

ป้ายสีส้มตัวหนังสือสีดำ เป็นป้ายสำหรับรถบรรทุกพ่วง และรถที่ใช้ในทางเกษตรกรรม

ป้ายสีขาว (ไม่สะท้อนแสง) ตัวหนังสือสีดำ เป็นป้ายรถยนต์สำหรับผู้แทนทางการฑูต โดยตัวอักษรจะขึ้นต้นด้วย ท และตามด้วยรหัสประเทศ ขีด แล้วตามด้วยเลขทะเบียนรถ

ป้ายสีฟ้าตัวหนังสือสีขาว แบ่งได้ 3 หมวดได้แก่

– อักษร พ คือ หน่วยงานพิเศษในสถานฑูต
– อักษร ก คือ คณะผู้แทนกงศุล
– อักษร อ คือ องค์กรระหว่างประเทศ

คงจะหายสงสัยกันแล้วใช่มั้ยครับว่า ป้ายทะเบียนแต่ละสี มีความหมายแตกต่างกันอย่างไร ใครใช้รถแบบไหนก็ใช้ป้ายให้ถูกประเภทกันด้วยนะครับ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ว่าจะใช้ป้ายสีอะไร อย่าลืมทำ พ.ร.บ. และประกันภัยภาคสมัครใจกันนะครับ เวลาเกิดเหตุขึ้นมาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบานั่นเอง